พรรคประชาธิปไตยแห่งเกาหลี (DPK) ฝ่ายค้านหลักโจมตีประธานาธิบดียูน ซุก ยอลเมื่อวันพฤหัสบดี (13) ที่ออกจากการประชุมซัมมิทกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ฟูมิโอะ คิชิดะ มือเปล่า โดยเรียกการเจรจาว่า “จุดสุดยอดของการทูตแบบยอมจำนน” และ “น่าเสียดาย ผู้คน.”

“แม้ว่าผู้นำของเกาหลีและญี่ปุ่นจะพบกัน แต่รัฐบาลญี่ปุ่นก็ไม่ได้ออกคำขอโทษสำหรับปัญหาการบังคับใช้แรงงานในช่วงสงคราม แม้ว่าญี่ปุ่นจะมีท่าทีที่ไร้ยางอายเช่นนี้ แต่ Yoon กลับพยายามปกป้องฝ่ายของญี่ปุ่น” An Ho-young โฆษกของ DPK กล่าว ในระหว่างการประชุมสุดยอดซึ่งจัดขึ้นที่กรุงโตเกียวเมื่อช่วงเช้าของวัน ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันที่จะแก้ไขข้อพิพาทที่ดำเนินมาอย่างยาวนานเกี่ยวกับค่าชดเชยชาวเกาหลีที่ถูกบังคับใช้แรงงานให้กับบริษัทญี่ปุ่นภายใต้การปกครองอาณานิคมของญี่ปุ่นในคาบสมุทรเกาหลีในปี พ.ศ. 2453-45

ภายใต้แผนของโซลที่ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

มูลนิธิสาธารณะที่สังกัดกระทรวงมหาดไทยจะชดเชยเหยื่อด้วยเงินบริจาคจากธุรกิจในประเทศ แม้ว่าในปี 2561 ศาลฎีกาของเกาหลีจะสั่งให้บริษัทญี่ปุ่น 2 แห่ง ได้แก่ Nippon Steel และ Mitsubishi Heavy Industries ชดเชยเหยื่อ

ยุนกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่าเกาหลีไม่มีแผนที่จะขอเงินคืนจากญี่ปุ่นหลังจากชดเชยให้กับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ “ยุนยังสาบานว่าจะทำให้สนธิสัญญาแบ่งปันข่าวกรองทางทหารระดับทวิภาคีของข้อตกลงความมั่นคงทั่วไปของข้อมูลทางทหารเป็นปกติอย่างสมบูรณ์ การตัดสินใจเหล่านั้นถือเป็นการจ่ายส่วยนอกเหนือจากการให้ของขวัญ” โฆษกกล่าว “มันเป็นหายนะทางการทูตอีกครั้ง เพราะเราไม่ได้อะไรเลยและให้ไปทุกอย่าง มันทำให้ผู้คนของเราละอายใจ”

นอกจากนี้ เขายังชี้ว่าไม่มีบริษัทญี่ปุ่นแห่งเดียวที่มีส่วนร่วมในการสร้าง “กองทุนหุ้นส่วนในอนาคต” ที่คาดการณ์ไว้ และโตเกียวไม่ได้ขอโทษสำหรับการตอบโต้ทางการค้าที่บังคับใช้เพื่อตอบโต้การบังคับใช้แรงงาน

ก่อนการประชุมสุดยอด ล็อบบี้ธุรกิจของเกาหลีและญี่ปุ่นประกาศแผนให้แต่ละฝ่ายจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนโครงการความร่วมมือต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาการลงทัณฑ์แรงงานบังคับ ก่อนหน้านี้ ทั้งสองประเทศประกาศว่าญี่ปุ่นจะยกเลิกการควบคุมการส่งออกวัสดุอุตสาหกรรมหลักที่ยาวนานหลายปีในเกาหลี ขณะที่โซลตัดสินใจถอนคำร้องต่อองค์การการค้าโลกต่อญี่ปุ่นเกี่ยวกับข้อจำกัดการส่งออก

เหยื่อของการบังคับใช้แรงงานเรียกร้องคำขอโทษและค่าชดเชยโดยตรงจากบริษัทญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่ญี่ปุ่นอ้างมานานแล้วว่าปัญหาค่าชดเชยทั้งหมดที่เกิดจากการยึดครองอาณานิคมของตนได้รับการตัดสินภายใต้สนธิสัญญาปี 1965 ซึ่งโซลได้ปรับความสัมพันธ์กับโตเกียวให้เป็นปกติเพื่อแลกกับเงิน 300 ล้านดอลลาร์ เงินช่วยเหลือและเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 200 ล้านดอลลาร์

อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ oeuf-au-plat.com